วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2559

สะพานดำ มนต์เสน่ห์แห่งเมืองยะลา



กอ.รมน.ภาค 4 สน.ส่งมอบสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำปัตตานี (สะพานรถไฟ-สะพานดำ) ให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยุโป หลัง ได้รับความเดือดร้อนสะพานชำรุดเสียหายมาเป็นเวลานาน





เมื่อ 10 ก.ย. 58 ที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านบาโด ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา พลตรี ศักดา เจียมสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการพัฒนา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า( ผู้แทนแม่ทัพภาค 4) เป็นประธานในพิธีส่งมอบสะพานรถไฟข้ามแม่น้ำปัตตานีช่วงรอยต่อ ต.ยุโป กับเขตตลาดเก่าเทศบาลนครยะลา (สะพานรถไฟ-สะพานดำ) หลัง ได้ทำการปรับปรุง ซ่อมแซมแผ่นเหล็กปูทางเดินคู่ขนาน ระยะทาง 210 เมตร กว้าง 1 เมตร ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2558 จนแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2558 โดยมี ส่วนราชการ นายก เทศมนตรี ต.ยุโป อีหม่าม ทหาร และชาวบ้านในพื้นที่ เข้าร่วม
สำหรับการซ่อมแซมปรับปรุงในครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ประชาชนในพื้นที่ ต.ยุโป และพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับการสัญจรไปมาไม่สะดวก เนื่องจากแผ่นเหล็กปูทางเดินคู่ขนานบนสะพานดังกล่าว เกิดการชำรุดเสียหาย จากการใช้งานมาเป็นเวลานานกว่า 50 ปี ทางเทศบาล ต.ยุโป ผู้นำท้องที่ ผู้นำศาสนา จึงได้ขอความอนุเคราะห์ไปยัง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ช่วยเหลือด้วยการจัดหางบประมาณปรับปรุงซ่อมแซม โดยทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้ทำหนังสือไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งผู้ว่าการรถไฟฯ ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงมอบหมายให้ ศูนย์สะพาน ฝ่ายการช่างโยธาตรวจสอบ และจัดทำราคาประมาณ โดยใช้วงเงิน 1,161,345 บาท ในการซ่อมแซมดังกล่าว
นายธานินทร์ บือราแง นายกเทศมนตรี ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา กล่าวว่า สะพานแห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ เรียกกันว่า สะพานรถไฟ - สะพานดำ หลังจากใช้งานมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการชำรุดเสียหาย และมีเด็กตกจากสะพานเสียชีวิตบ้าง บาดเจ็บบ้าง ชาวบ้านก็เลยร้องเรียนไปทางเทศบาลฯ ทางเทศบาลฯ ก็เลยประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีเงินงบประมาณช่วยเหลือ จนล่าสุดได้ทำหนังสือ ไปยัง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ซึ่งทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน.ได้ประสานไปยังการรถไฟฯ และช่วยผลักดันงบประมาณมาซ่อมแซมให้จนแล้วเสร็จ
สำหรับสะพานนี้ ช่วยแก้ปัญหาการเดินทางสัญจรไปมาให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านบาโด ม.2 ชาวบ้านทุ่งเหรียง ม.3 กว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ทำการเกษตรได้ย่นระยะทางในการเดินทางเป็นทางลัด ที่สามารถสัญจรเข้าไปยังตลาดสดยะลาได้เลย ซึ่งในห้วงที่ผ่านมาบ้านบาโดเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบมาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงที่มีการซ่อมแซมสะพานตั้งแต่เดือนสิงหาคม จนแล้วเสร็จ ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน อรบ.ก็จะมาช่วยกันดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ ที่มาดำเนินการซ่อมแซม
ด้าน นายมูฮำหมัด มะลี ชาวบ้าน ต.ยุโป กล่าวว่า สะพานแห่งนี้มีความจำเป็นกับชาวบ้านมาก ทั้งชาวบ้านเอง นักเรียน พ่อค้า แม่ค้า จะใช้สัญจรไปมาเป็นทางลัดที่ช่วยย่นเวลาและระยะทางในการเดินทาง ซึ่งต้องขอขอบคุณทาง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า การรถไฟแห่งประเทศไทย เทศบาล ต.ยุโป และทุกๆ ฝ่าย ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือซ่อมแซมสะพานแห่งนี้ ชาวบ้านก็ดีใจและภูมิใจที่ได้ใช้สะพานใหม่ และมีความปลอดภัยแข็งแรงขึ้น
ขณะที่ นายอับดุลมาเลก แวสะมะ อิหม่ามบ้านยุโป ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ช่วยเหลือ จนซ่อมแซมสะพานแล้วเสร็จไปได้ด้วยดี แทนชาวบ้านในพื้นที่ ต.ยุโป และบ้านทุ่งเหรียง







วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2559

อาซูรอ ตำนานแห่งความสัมพันธ์



ข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ)
ช่วงเวลา ตรงกับวันที่ ๑๐ เดือนมุฮัรรอม ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีของศาสนาอิสลาม (ประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี)

ความเป็นมา
ความเป็นมาของการกวนข้าวอาซูรอ หรือกวนขนมอาซูรอสืบเนื่องจากได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในสมัยนบีนุฮ (อล) ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน ไร่นาของประชาชนและสาวกของนบีนุฮ (อล) และคนทั่วไปอดอาหาร นบีนุฮ (อล) จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของเหลือพอจะรับประทานได้ ให้เอามากองรวมกัน และให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนได้รับประทานอาหารกันโดยทั่วหน้า



ความสำคัญ

การกวนข้าวอาซูรอ (ขนมอาซูรอ) เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คำว่า อาซูรอ เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า การผสม การรวมกัน คือการนำสิ่งของที่รับประทานได้หลายสิ่งหลายอย่างมากวนรวมกัน มีทั้งชนิดคาวและหวาน การกวนข้าวอาซูรอจะใช้คนในหมู่บ้านมาช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อความสามัคคีและสร้างความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อันมีผลต่อการอยู่ร่วมกันของสังคมอย่างมีความสุข ก่อนจะแจกจ่ายให้รับประทานกัน เจ้าภาพจะเชิญบุคคลที่นับถือของชุมชนขึ้นมากล่าวขอพร (ดูอา) ก่อน จึงจะแจกให้คนทั่วไปรับประทานกัน

พิธีกรรม

การกวนข้าวอาซูรอเริ่มด้วยการที่เจ้าภาพประกาศเชิญชวนนัดหมายให้ชาวบ้านทราบว่าจะมีการกวนข้าวอาซูรอกันที่ไหน เมื่อใด เมื่อถึงกำหนดนัดหมายชาวบ้านก็จะนำอาหารดิบ เช่น เผือกมัน ฟักทอง มะละกอ กล้วย ข้าวสาร ถั่ว เป็นต้น มารวมเข้าด้วยกันแล้วปอกหั่น ตัดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จากนั้นนำเครื่องปรุง เช่น ข่า ตะไคร้ หอม กระเทียม ผักชี ยี่หร่า เกลือ น้ำตาล กะทิ เป็นต้น มาเป็นเครื่องผสมโดยหั่นตัดให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เช่นเดียวกัน สำหรับกะทิจะคั้นเฉพาะน้ำมาผสม
วิธีกวน นำกะทะใบใหญ่ตั้งไฟ มีไม้พายสำหรับคนขนมอาซูรอ หลังจากตั้งกะทะบนเตา คั้นน้ำกะทิใส่ลงไป ตำหรือบดเครื่องแกงหยาบ ๆ ใส่ลงในน้ำกะทิ เมื่อกะทิเดือดใส่อาหารดิบต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว คนด้วยไม้พายจนกระทั่งทุกอย่างเปื่อยยุ่ย กวนต่อไปจนเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อแห้งได้ที่แล้วตักใส่ถาด โรยหน้าด้วยไข่เจียวหั่นบาง ๆ หรืออาจโรยหน้ากุ้ง เนื้อสมัน ปลาสมัน ผักชี หอมหั่นฝอย แล้วแต่รสนิยมของท้องถิ่น แล้วตัดเป็นชิ้น ๆ แจกจ่ายกันรับประทาน



หมายเหตุ : เนื้อสมัน ปลาสมัน คือ ปลา หรือเนื้อวัว ที่ต้มเคี่ยวด้วยเครื่องแกงจนแห้ง ใช้ทัพพีขยี้จนเนื้อเหล่านั้นเป็นผงฝอย แล้วนำไปโรยหน้าขนมอาซูรอ ถ้าเป็นชนิดหวานมีส่วนผสมเหมือนอาซูรอชนิดคาว แต่งใส่เครื่องเทศ และอาหารจำพวกเนื้อ เพิ่มน้ำตาลให้มากขึ้นและไม่ต้องโรยหน้า


วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความงดงามของธรรมชาติในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้



อุทยานแห่งชาติบางลาง สวรรค์ที่ถูกลืมเลือน
ประวัติความเป็นมา
เมื่อปี พ.ศ. 2525 สำนักงานป่าไม้เขตปัตตานีได้มีหนังสือ ที่ กษ 0714(ปน)/1020 ลงวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ.2525 ว่าเขตปัตตานีและจังหวัดยะลาได้ดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ในเขตนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ จังหวัดยะลาที่ได้รับคืนจากกรมประชาสงเคราะห์ เพื่อกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 กรกฏาคม พ.ศ.2523 แล้ว ปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมที่จะจัดตั้งให้เป็นอุทยานแห่งชาติได้

ต่อมากรมป่าไม้ได้มีคำสั่งที่ 210/2526 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2526
ให้ นายสมเกียรติ  ม้าแก้ว นักวิชาการป่าไม้ 5 ไปทำการสำรวจ
เบื้องต้น ซึ่งได้รับรายงานว่า ขณะนี้พื้นที่ดังกล่าวมีเหตุการณ์ไม่ปกติ และอยู่ในระหว่างการปราบปรามผู้ก่อการร้ายของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
จึงขอระงับการสำรวจไว้ก่อน จนกว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี ตามหนังสือรายงาน ที่ กษ 0713/พิเศษ ลงวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2526




ต่อมากองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ ได้มีหนังสือ ที่ กษ 0713/15627 ลงวันที่
3 กรกฎาคม พ.ศ.2527  และ  ที่ กษ 0713/530 ลงวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2528 ถึงป่าไม้เขตปัตตานี เพื่อขอทราบสถานการณ์ในพื้นที่ดังกล่าวว่าสามารถเข้าไปทำการสำรวจได้หรือไม่ และป่าไม้เขตปัตตานี ได้มีหนังสือ ที่ กษ 0714(ปน)/181 ลงวันที่ 28 มกราคม พ.ศ.2528 แจ้งว่า ได้สอบถามไปยังจังหวัดยะลาแล้วได้รับรายงานว่า บริเวณพื้นที่ที่ได้รับคืนจากกรมประชาสงเคราะห์ในขณะนี้สถานการณ์ปกติ สามารถเข้าไปทำการสำรวจได้ ตามหนังสือจังหวัดยะลา ที่ ยล.0009/1085 ลงวันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ.2528

กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ จึงได้มีคำสั่ง ที่ 467/2528 ลงวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2528 ให้ นายอภัย หยงสตาร์ นักวิชาการป่าไม้ 5 ไปสำรวจหาข้อมูลเบื้องต้นในพื้นที่เขตนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ที่ได้รับคืนจากกรมประชาสงเคราะห์  พื้นที่ป่าเหนือเขื่อนบางลางและบริเวณใกล้เคียงในท้องที่จังหวัดยะลา ผลการสำรวจตามหนังสือ ที่ กษ 0713/- ลงวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ.2528 รายงานว่าพื้นที่ที่ได้รับคืนจากกรมประชาสงเคราะห์ ยังอยู่ในระหว่างการปราบปรามโจรจีนคอมมิวนิสต์ ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารไม่สามารถทำการสำรวจได้

ส่วนพื้นที่ป่าเหนือเขื่อนบางลาง และบริเวณใกล้เคียงในท้องที่อำเภอบันนังสตา อำเภอธารโต และอำเภอเบตง จังหวัดยะลา พบมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์ มีจุดเด่นตามธรรมชาติที่ควรอนุรักษ์ มีทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติได้กองอุทยานแห่งชาติ จึงได้มีหนังสือ ที่ กษ 0713/2120 ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2528 เสนอกรมป่าไม้ และต่อมาจึงได้มีคำสั่ง ที่ 966/2528 ลงวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2528 ให้ นายอภัย หยงสตาร์ นักวิชาการป่าไม้ 5 ไปดำเนินการจัดตั้ง
และปรับปรุงป่าเหนือเขื่อนบางลาง และบริเวณใกล้เคียงเป็นอุทยานแห่งชาติ 1 ในจำนวน 5 แห่งของโครงการจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ
เพื่อการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ




ต่อมา อุทยานแห่งชาติบางลาง ได้มีหนังสือ ที่ กษ 0713(บล)/42 ลงวันที่ 25 เมษายน พ.ศ.2529  แจ้งขอให้รวมพื้นที่วนอุทยานธารโตซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานป่าไม้เขตปัตตานี เนื้อที่ประมาณ 9.25 ตารางกิโลเมตร เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งอุทยานฯ และกรมป่าไม้ ได้มีหนังสือ ด่วนมาก ที่ กษ 0713/3373 ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 ถึงป่าไม้เขตปัตตานี ให้โอนวนอุทยาน
น้ำตกธารโต เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติบางลาง ทำให้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 461.04 ตารางกิโลเมตร และกองอุทยานแห่งชาติกรมป่าไม้ กำลังดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่ในส่วนต่างๆ เพื่อจะได้กำหนดพื้นที่บริเวณดังกล่าวให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504

ปัจุบันอุทยานแห่งชาติบางลาง ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 แล้ว ประกอบด้วยพื้นที่ทั้งหมด 163,125 ไร่ โดยได้ตราพระราชกฤษฎากำหนดที่ดินป่าลาบู ป่าถ้ำทะลุ และป่าเบตง ในท้องที่ตำบลถ้ำทะลุ ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา ตำบลแม่หวาด ตำบลบ้านแหร อำเภอธารโต และตำบลอัยเยอร์เวง ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 88 ของประเทศไทย




ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติบางลาง เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน สลับกับเนินเขาและพื้นที่ราบบางตอน พื้นที่ลาดเทจากด้านทิศใต้ ลงสู่ทิศเหนือ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 600 เมตร สภาพผิวดินส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนดินเหนียว  พบมีดินลูกรังเป็นบางส่วนเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำหลายสาย ซึ่งได้ไหลมาบรรจบกันเป็นแม่น้ำปัตตานี และต้นน้ำที่สำคัญหลายสาย ได้แก่ แม่น้ำปัตตานี แม่น้ำสายบุรี คลองโต๊ะโม๊ะ คลองฮาลา และคลองบ้านเจ็ด

อาณาเขต
  ทิศเหนือ จรดกับ ต.ถ้ำทะลุ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลา
  ทิศตะวันออก จรดกับ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา
  ทิศตะวันตก จรดกับ พรมแดนประเทศมาเลเซีย
  ทิศใต้ จรดกับ ต.ยะรม ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา

ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพอากาศเย็นชุ่มชื้น มีลมมรสุมตะวันออกพัดผ่าน  ฤดูฝนจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม มีฝนตกตลอด โดยจะมีฝนตกหนักในช่วงระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน มีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 2,200 มิลลิเมตรต่อปี  ฤดูร้อนอยู่ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายนอุณหภูมิโดยเฉลี่ย ประมาณ 29 องศาเซลเซียส

หน่วยงานในพื้นที่
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ จำนวน 4 หน่วย

1. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ บล.1 (บ้านวังไทร)
พิกัด 47N UTM 752149 664748
2. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ บล.2 (น้ำตกฮาลาซะห์)
พิกัด 47N UTM 766805 669825
3. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ บล.3 (บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10)
พิกัด 47N UTM 748049 645650
4. หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ บล.3 (น้ำตกละอองรุ้ง)
พิกัด 47N UTM 742398 663351


แหล่งท่องเที่ยว


1. เขื่อนบางลาง (Banglang Dam)
เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร กว้าง 10 เมตร ความกว้างฐานเขื่อน 366 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร

เขื่อนบางลางนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนันทนาการแห่งหนึ่งที่พร้อมให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสกับทิวทัศน์ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ และเกิดจาก ฝีมือมนุษย์สรรค์สร้างขึ้นมา ชมธรรมชาติของป่าที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้แปลกๆ ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้เฉพาะถิ่นขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ใบไม้สีทอง ปาล์มบังสูรย์ เฟิร์นดึกดำบรรพ์ บัวผุด เป็นต้น

นักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวชมสัตว์ป่านานาชนิด เช่น ฝูงกระทิง กวางป่า หมูป่า เก้ง นากใหญ่ขนเรียบ ฝูงลิง ค่าง และนกหลากหลายชนิด เช่น นกชนหิน นกเงือกปากดำ นกกาฮัง เป็นต้น สัตว์ป่าเหล่านี้สามารถหาดูได้ง่ายบริเวณคลองน้ำใส
คลองฮาลา และคลองฮาลาซะห์ พร้อมกับชมธรรมชาติน้ำตกที่สวยงามหลายแห่ง ได้แก่ น้ำตกกิตติโชควัฒนา น้ำตกคลองโต๊ะโมะ และน้ำตกคลองน้ำใส






2. ทะเลสาบธารโต (Thanto Lake)
เป็นทะเลสาบบนภูเขาแห่งแรกของภาคใต้บริเวณเหนือเขื่อนบางลาง เกิดจากการถูกน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง มีความกว้างประมาณ 2 กิโลเมตร ยาวประมาณ 6 กิโลเมตร ทะเลสาบธารโตนอกจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำนานาชนิดและเป็นต้นกำเนิดของพลังงาน ไฟฟ้าในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ยังเป็นธรรมชาติที่มีทิวทัศน์สวยงามแปลกตา นักท่องเที่ยวสามารถล่องเรือ ล่องแพสัมผัสกับ
ความงามของเกาะแก่งน้อยใหญ่ร่วม 30 เกาะ






3. น้ำตกธารโต
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลลดหลั่นกันลงมาจากภูเขาสูง รวม 9 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นสูงประมาณ 20 เมตร น้ำตกธารโตเดิมกรมป่าไม้ ได้จัดตั้งเป็นวนอุทยานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมความงามของน้ำตกได้ทุกชั้น บริเวณน้ำตกชั้นที่ 3-5 จะมีศาลาพักชมความงามของน้ำตกและผืนป่า ชั้นที่ 9 เป็นชั้นสูงสุด สายน้ำไหลตกจากหน้าผาสูงประมาณ 30 เมตร ระยะทางจากชั้น 1-9 ประมาณ 500 เมตร บริเวณโดยรอบร่มรื่นไปด้วยป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีพันธุ์ไม้ที่น่าสนใจ ได้แก่ ต้นศรียะลา หรืออโศกเหลือง ซึ่งจะออกดอกชูช่อสีเหลืองสวยงามในราวเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี






4. น้ำตกละอองรุ้ง
เป็นน้ำตกที่อยู่ท่ามกลางผืนป่าดิบชื้นที่งดงาม มีจำนวนชั้นของน้ำตกรวม 4 ชั้น เป็นจุดชมทะเลหมอกในช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม จากน้ำตกชั้นที่ 1 เดินเลียบธารน้ำไปประมาณ 200 เมตร จะถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นที่สูงและสวยงามที่สุด ความสูงประมาณ 50 เมตร กระแสน้ำไหลลงสู่แอ่งน้ำที่มีหน้าผาล้อมรอบ เหลือเพียงช่องให้น้ำตกไหลลงสู่ชั้นที่ 3 เท่านั้น จากจุดนี้ สายน้ำจะทิ้งตัวลงสู่แอ่งน้ำ เบื้องล่างอย่างรุนแรง เกิดเป็นละอองน้ำฟุ้งกระจาย เมื่อกระทบแสงแดดจะเกิดเป็นรุ้งอันสวยงาม จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตก

น้ำตกละอองรุ้งตั้งอยู่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ บล.4 (น้ำตกละอองรุ้ง) ในเขตอำเภอเบตง จังหวัดยะลา นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ที่หลักกิโลเมตรที่ 97 จะมีทางแยกขวามือเข้าไปเพียง 400 เมตร





5. น้ำตกฮาลาซะห์
เป็นน้ำตกที่อยู่ในเขตพื้นที่ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติบางลาง ที่ บล.2 (โต๊ะโมะ) ห่างจากตัวเมืองยะลาประมาณ 90 กิโลเมตร แยกจากทางหลวงแผ่นดิน สายยะลา-เบตง เข้าทางเขื่อนบางลาง น้ำตกมีความสูงประมาณ 100 เมตร เหมาะแก่การดูนกเงือก เที่ยวชมใบไม้สีทอง ศึกษาวิถีชีวิตของชนเผ่าซาไก นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงยังมีน้ำตกจิ้งจก น้ำตกกิตติโชควัฒนา น้ำตกบ้านเก้า น้ำตกจุฬาภรณ์พัฒนาฯ อาคารพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โจนจีนคอมมิวนิสต์มลายา และโป่งดินที่บรรดาสัตว์ป่าลงมาหากิน







6. ผืนป่าฮาลา-บาลา
เป็นผืนป่าที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติบางลาง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา รวมกับผืนน้ำของอ่างเก็บน้ำบางลาง สภาพทั่วไปของผืนป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์ มีเทือกเขาสลับซับซ้อน เป็นที่อยู่อาศัยของนกเงือก รวมไปถึงสัตว์ป่าต่างๆ อาทิ กระทิง ช้างป่า เก้งกวางป่า เป็นต้น

การเดินทาง นักท่องเที่ยวสามารถใช้เส้นทางด้านหมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 9 เข้าทางด้านหลังเขื่อนบางลาง ไปตามถนนที่คดเคี้ยวบนเทือกเขา มีจุดชมวิวอันสวยงามเหนืออ่างเก็บน้ำ



สิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยานแห่งชาติบางลาง ได้จัดเตรียมบ้านพักไว้ให้บริการบริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งจัดเตรียมสถานที่กางเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยว สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ที่ทำการอุทยานแห่งชาติบางลาง ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 08.00 - 16.30 น.





การคมนาคม
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติบางลาง ตั้งอยู่ในบริเวณน้ำตกธารโต ตำบลถ้ำทะลุ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา สามารถเดินทางไปตามทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 56 จะมีทางแยกเข้าสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ



หวังว่าความงดงามของธรรมชาติที่ผู้คนไม่อาจหยิบฉวยไปเป็นของตนเองได้แห่งนี้
จะสามารถทำให้ท่านอิ่มเอมใจ สดชื่น ชุ่มช่ำ ทุกอณูความบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้












วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เป็นคนไทย กินของไทย ใช้ของไทย เที่ยวเมืองไทย มีเมียไทย...แฮ!!



วันนี้ผมมีโอกาสไปเมืองนราธิวาส ก็เลยแวะชมสินค้าพื้นเมือง
ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ จังหวัดนราธิวาส
ซึ่งมีสินค้าให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ เสื้อผ้า ฯลฯ

ผมคิดว่าถ้าคนไทยหันมาซื้อของที่ผลิตในประเทศไทย ช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์ สินค้าต่างๆ ในประเทศ เศรษฐกิจประเทศเราน่าจะดีขึ้นมาก
ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้เขาจะเกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในประเทศ
แต่เศรษฐกิจเขาฟื้นตัวเร็วมาก เพราะเขาใช้แต่ของในประเทศของเขา ส่งออกสินค้าประเทศตนเอง ทุกวันนี้ก็เป็นที่ต้องการของตลาดโลกมากมาย
ส่วนคนไทยยังไม่ค่อยสนใจสินค้าในบ้านเรา
มักจะหลงติดกับสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังซะมากกว่า

คิดเองเออเองอยู่คนเดียวนะครับ ก็เกิดความรักชาติขึ้นมา
สั่งลูกหยีไร้เมล็ด ของแท้จาก อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส 555
รับรองว่าเด็ดจริง ผมรับประกันเพราะผมลองมาแล้ว

พนักงานขายก็ให้บริการดีมาก มีความเป็นกันเอง พูดจาไพเราะ
(ชมเยอะๆเผื่อได้ของแถม555)

พอดีผมเก็บภาพมาให้ชมบางส่วนครับ
ถ้ามีโอกาสก็เข้าไปเลือกซื้อสินค้าไทยทำกันได้นะครับ
อย่าคิดว่าของบ้านเราไม่ดี ถ้ายังไม่ลอง.....บรึ้นๆ



โรตรีกรอบ
นี่ทีเด็ดของผมเลยครับลูกหยีไร้เมล็ด

นี่ไงสำหรับสาวๆที่กำลังลดความอ้วน 




ข้าวเกรียบปลา

ข้าวเกรียบกุ้ง

ผลิตภัณฑ์สมุนไพร


ผลิตภัณฑ์กระจูด

กระจูด ซึ่งเป็นพืชจำพวกกก นำมาสานทำเสื่อและกระสอบใช้กันในครัวเรือนในแถบภาคใต้มานานแล้ว





ผ้าปาเต๊ะ

ผ้าบาติก

เรือกอและจำลอง

ใบไม้สีทอง

เสื่อกระจูด






ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ จังหวัดนราธิวาส
ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าศาลากลางหลังเก่า เมืองนราธิวาส




























วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ไปชิม ช้อป กันหรือยัง


นี่ถนนคนเดิน หรือ ถนนละลายทรัพย์กันแน่ มีแต่ของน่าซื้อทั้งนั้นเลย ของกินก็เยอะ เงินหมดไม่รู้ตัว 5555


บรรยากาศยามค่ำคืนของถนนคนเดิน จ.นราธิวาส 
แหล่งรวมสินค้าและอาหารการกินมากมาย เป็นแหล่งช้อปปิ้งอีกหนึ่งแห่งของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ถนนคนเดิน เปิดทุกวันอาทิตย์ช่วงเวลา 1500 - 2200 โดยประมาณซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนราธิวาส บริเวณข้างศาลากลางหลังเก่า จ.นราธิวาส ถ้าหากท่านใดมีโอกาสได้มาเที่ยวเมืองนราก็สามารถเข้ามาแวะชิม ช้อป กันได้

ส่วนตัวผม ผมชอบเบอร์เกอร์ไก่ของที่นี้มาก 
เบอร์เกอร์คิงยังต้องชิดซ้าย
ว่าแล้วก็ไปกันเลยดีกว่า......บรึ้นๆ 

มีถังขยะตั้งอยู่หลายจุดกลางถนนคนเดิน ก็ช่วยกันรักษาความสะอาดด้วยนะครับ










สินค้ามีให้ท่านเลือกมากมาย นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งครับ






และนี่ก็คือร้านเบอร์เกอร์ที่ผมชอบมาก ดูราคาสิ ว้าว!!! 
เบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่กับราคาเบาๆ 5555ผมบอกแล้วว่าเบอร์เกอร์คิงชิดซ้ายไปเลย
มันเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการกินเบอร์เกอร์อย่างผมมาก สุโค่ย!!
(ลืมบอกไปครับน่าจะชื่อร้านเบอร์เกอร์ฮาวา)








แล้วพบกันอีกในทริปต่อไปนะครับ....บรึ้นๆ